Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17571
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorจรัสศรี นวลศรี-
dc.contributor.authorสายัณห์ สดุดี-
dc.contributor.authorอิบรอเฮม ยีดำ-
dc.date.accessioned2022-11-02T08:15:59Z-
dc.date.available2022-11-02T08:15:59Z-
dc.date.issued2557-
dc.identifier.urihttp://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17571-
dc.identifier.urihttps://tnrr.nriis.go.th/#/services/research-report/detail/275072-
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.subjectยางพารา พันธุศาสตร์en_US
dc.subjectเครื่องหมายพันธุกรรมen_US
dc.titleการวิเคราะห์พันธุกรรมยางพันธุ์พื้นเมืองโดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอและการคัดเลือกต้นตอโดยใช้เทคนิคมินิไรโซตรอนen_US
dc.title.alternativeรายงานฉบับสมบูรณ์การวิเคราะห์พันธุกรรมยางพันธุ์พื้นเมืองโดยใช้เครื่องหมายดีเอ็นเอและการคัดเลือกต้นตอโดยใช้เทคนิคมินิไรโซตรอen_US
dc.typeTechnical Reporten_US
dc.contributor.departmentFaculty of Natural Resources (Plant Science)-
dc.contributor.departmentคณะทรัพยากรธรรมชาติ ภาควิชาพืชศาสตร์-
dc.description.abstract-thวัตถุประสงค์ของการทดลองคือ ศึกษาพันธุกรรมของยางพาราพันธุ์พื้นเมือง การเจริญเติบโตและพัฒนาการของระบบรากและคัดเลือกต้นตอยางพาราที่ทนทานต่อโรครากขาว โดยเก็บเมล็ดยางพาราจากต้นพันธุ์พื้นเมืองในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี และระนอง โดยมียางพาราพันธุ์ RRIM 600 GT1 และ PB 5/51 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ งานวิจัยแบ่งได้เป็น 3 งานทดลองย่อย ดังนี้ การทดลองชุดที่ 1: วิเคราะห์พันธุกรรมของต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมือง จำนวน 19 โคลน โดยใช้เทคนิค RAPD และศึกษาการพัฒนาของระบบรากโดยวิธีไรโซตรอน ทำการย้ายต้นกล้ายางพาราที่อายุประมาณ 6 เดือนลงปลูกในไรโซบอคขนาด 40x100 ซม. วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด ทำ 4 ซ้ำ ๆ ละ 1 ต้น ผลการใช้เครื่องหมาย RAPD ด้วยไพรเมอร์ 7 ไพรเมอร์ ในการวิเคราะห์พันธุกรรม สามารถแยกกลุ่มยางพาราได้เป็น 2 กลุ่ม โดยมีค่าความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางพันธุกรรม 0.494-0.9647 จากการศึกษาการเจริญเติบโตของระบบราก พบว่า ส่วนใหญ่รากจะเจริญได้ดีที่สุดที่ระดับความลึก 20-0 ซม. จากระดับผิวดิน โดยต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมืองจากสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ มีการเจริญได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับต้นกล้ายางพาราพันธุ์ RRIM 600 และอื่น ๆ การทดลองชุดที่ 2: ศึกษาเบื้องต้นในการทดสอบความทนทานต่อโรครากขาวของต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมือง จำนวน 13 โคลนจากแหล่งต่าง ๆ ในจังหวัดสงขลา โดยทำการปลูกเชื้อกับต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมืองโดยมีพันธุ์ RRIM 600 และ GT1 เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ วางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ จำนวน 4 ซ้ำ บันทึกข้อมูลโดยให้คะแนนความรุนแรงของการเกิดโรคที่แสดงออกกับส่วนยอดเป็น 5 ระดับ ผลการทดลองพบว่า ต้นกล้ายางพาราพันธุ์ RRIM 600 และ GT1 มีความอ่อนแอต่อโรครากขาวมากที่สุด โดยต้นกล้ายางพาราจากสวนเกษตรกรบ้านน้ำน้อย จ.สงขลา (EIRnam) มีความทนทานต่อโรคมากกว่าโคลนอื่น ๆ การทดลองชุดที่ 3: การคัดเลือกต้นตอยางพาราที่ทนทานต่อโรครากขาว การทดลองนี้ใช้ต้นกล้ายางพาราจำนวน 10 โคลน ทดสอบร่วมกับต้นกล้าของพันธุ์ RRIM 600 และ GT1 ซึ่งใช้เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ วางแผนการทดลองแบบสุ่มตลอด ทำ 5 ซ้ำ ปลูกต้นกล้ายางพาราในไรโซบอคและศึกษาการเจริญเติบโตของต้นกล้ายางพาราในแต่ละกลุ่ม โดยการวัดความสูง เส้นผ่านศูนย์กลางลำตันและจำนวนก้านใบต่อต้น ผลการทดลองพบว่า ต้นกล้ายางพารา 2 โคลนในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (EIRpsu6, EIRpsu8) และ 2 โคลนในจังหวัดตรัง (EIRsakra, EIRtr) มีความทนทานต่อโรครากขาว ดังนั้นจึงทดลองนำต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมืองในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไปปลูกทดสอบในแปลงเกษตรกร จ.ชุมพร โดยพันธุ์ RRIM 600 และพันธุ์อ่อนแออีก 1 โคลน เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ในระยะ 7 เดือนหลักย้ายปลูก พบว่า ต้นกล้ายางพาราพันธุ์พื้นเมืองทั้งสองโคลนในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีเจริญเติบโตตามปกติไม่แสดงอาการของโรค ในขณะที่ต้นกล้าอ่อนแอเริ่มแสดงอาการของโรครากขาวแสดงให้เห็นศักยภาพของโคลนที่ทำการทดสอบen_US
Appears in Collections:510 Research

Files in This Item:
There are no files associated with this item.


Items in PSU Knowledge Bank are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.