Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19635
Title: วัสดุทดแทนกระดูกและสารโครงร่างสำหรับการสร้างกระดูกใหม่
Other Titles: Bone substitute material and osteoconductive scaffold for bone regeneration
Authors: ปริศนา ปริพัฒนานนท์
ณัฐวุฒิ เทือกสุบรรณ
Faculty of Dentistry (Surgery)
คณะทันตแพทยศาสตร์ ภาควิชาศัลยศาสตร์
Keywords: วัสดุทดแทนกระดูก;การถอนฟัน
Issue Date: 2559
Publisher: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Abstract(Thai): ภายหลังการถอนฟัน กระดูกเบ้าฟันเกิดการปรับรูปและสลายตัวนำไปสู่การฝ่อลีบของกระดูกขากรรไกรทำให้ไม่เพียงพอต่อการรองรับฟันเทียมและรากฟันเทียม การคงสภาพกระดูกเบ้าฟันเป็นการใส่กระดูกปลูกถ่ายในเบ้าฟันเพื่อทำหน้าที่เป็นโครงร่างสำหรับการสร้างกระดูกในเบ้าฟันเพื่อให้เบ้าฟันคงรูปร่างอยู่ได้ การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวัสดุทดแทนกระดูกไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟต กับกระดูกเอกพันธ์แห้งแบบระเหิดในการคงสภาพเบ้าฟันที่ปิดด้วยเยื่อเพลตเลตริชไฟบริน (พีอาร์เอฟ) การศึกษานี้เป็นการศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยที่รับการถอนฟันที่มีรากเดียว และได้รับการคงสภาพกระดูกเบ้าฟันสำหรับการฝังรากเทียม ผู้ป่วยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ซี่ฟันทำการปลูกถ่ายกระดูกเบ้าฟันด้วยกระดูกเอกพันธุ์แห้งแบบระเหิด หรือวัสดุทดแทนกระดูกไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟตและปิดเบ้าฟันด้วยเยื่อพีอาร์เอฟ ทำการประเมินการหายของเนื้อเยื่ออ่อนโดยการวัดปากเบ้าฟันและประเมินการเปลี่ยนแปลงมิติของสันกระดูกขากรรไกรโดยวัดจากชิ้นหล่อศึกษาและโคนบีมคอมพิวเตอร์โทโมกราฟ ที่ 2, 6, 8 และ 12 สัปดาห์ และที่ 12 สัปดาห์ ทำการตรวจชิ้นเนื้อกระดูกและประเมินปริมาณของกระดูกและวัสดุปลูกถ่ายด้วยภาพถ่ายรังสีทางไมโครคอมพิวเตอร์โทโมกราฟและตรวจสัณฐานวิทยาโดยวิธีจุลพยาธิวิทยา ผลการศึกษาพบว่าการหายของเนื้อเยื่ออ่อนของบริเวณปากเบ้าฟันไม่แตกต่างกันระหว่าง 2 กลุ่มในแต่ละช่วงเวลา แต่ในแต่ละกลุ่มมีการหายของเนื้อเยื่ออ่อนต่างกันโดยปากแผลลดลงในแต่ละช่วงเวลาที่ 6, 8 และ 12 สัปดาห์อย่างนัยสำคัญทางสถิติ (P <0.05) การเปลี่ยนแปลงมิติของสันกระดูกขากรรไกรโดยชิ้นหล่อศึกษาในแนวความกว้างและความสูงของทั้ง 2 กลุ่ม ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่พบการลดลงความกว้างของสันกระดูกขากรรไกรด้านแก้ม ด้านเพดานหรือด้านลิ้น และความสูงในกลุ่มเดียวกันลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) ทั้งสองกลุ่ม การเปลี่ยนแปลงมิติของสันกระดูกขากรรไกรโดยโคนบีมคอมพิวเตอร์โทโมกราฟทั้งของสองกลุ่มไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ภาพรังสีไมโครคอมพิวเตอร์โทโมกราฟพบว่าปริมาณการสร้างกระดูกใหม่และวัสดุที่หลงเหลือของกระดูกเอกพันธ์แห้งแบบระเหิด (22.37?9.61,17.31?14.53) และไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟต(16.89?7.46,15.94?7.39) ไม่มีความแตกต่างกัน แต่จากการวัดทางจุลพยาธิวิทยาพบวัสดุที่หลงเหลือของกระดูกเอกพันธ์แห้งแบบระเหิด(29.38?7.96) และไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟต (22.50?2.64) มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P<0.05) แต่ไม่พบความแตกต่างในการสร้างกระดูกใหม่ของกระดูกเอกพันธ์แห้งแบบระเหิด (20.17?4.59) และไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟต (18.40?7.20) จึงสรุปได้ว่าไบเฟสิกแคลเซียมฟอสเฟตและกระดูกเอกพันธ์แห้งแบบระเหิดเหมาะสมสำหรับการทำการคงสภาพกระดูกเบ้าฟัน และเยื่อพีอาร์เอฟมีประสิทธิภาพในการสร้างเนื้อเยื่ออ่อนเหมาะสมสำหรับการใช้ปิดเบ้าฟัน
URI: https://tnrr.nriis.go.th/#/research/1018096
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19635
Appears in Collections:680 Research

Files in This Item:
There are no files associated with this item.


Items in PSU Knowledge Bank are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.