Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17954
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorวรางคณา ชัชเวช-
dc.contributor.authorพริมา สุวรรณเรืองศรี-
dc.date.accessioned2023-04-12T04:07:33Z-
dc.date.available2023-04-12T04:07:33Z-
dc.date.issued2021-
dc.identifier.urihttp://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17954-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (พย.ม. (การผดุงครรภ์))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2564en_US
dc.description.abstractThis correlational descriptive research aim to study the level of overall and individual aspects of behaviors for promoting fetal development among adolescent primigravida, and to study the factors related to behaviors for promoting fetal development among adolescent primigravida. The sample group was adolescent primigravida aged between 10-19 years who receive antenatal care services in hospital under the Minister of Public Health in Songkhla province, a total of 167 people were 5 hospitals. The research tool consists of a -part questionnaire: (1) personal data (2) behaviors for promoting fetal development (3) realizing the benefits (4) support from family members (5) support from health team personnel (6) knowledge (7) stress and (8) risk of depression. The questionnaire parts 2 - 6 were examined for the correctness of the content by 3 experts. The CVI values were 1, 0.8, 1, 1, 1 respectively, and the reliability of the questionnaire parts 2 - 6 were .82, .89, .83, .93, 1, .87 and 1 respectively. Data were analyzed by distribution of frequency, percentage, mean, and standard deviation. Analyze the relationship factors using Pearson's product moment correlation coefficient statistics. The results showed that the overall of behaviors for promoting fetal development among adolescent primigravida were at a moderate level (M=27.36, SD=5.46). The score of behaviors for promoting fetal development of audible part was at a moderate level (M=13.83, SD=3.29) and the score of sensory part was at a moderate level (M=13.53, SD=2.82).Realizing the benefits (r=.446, p < .01), support from family members (r=.423, p < .01), support from health team personnel (r=.229, p < . 01) , knowledge ( r= . 206, p < . 05) , stress and risk of depression were not related to behaviors for promoting fetal development among adolescent primigravida. The results of this study can be used as a data base for the development of a nursing model to promote fetal development among adolescent primigravida.en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand*
dc.rights.urihttp://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/*
dc.subjectbehaviors for promoting fetal developmenten_US
dc.subjectadolescent primigravidaen_US
dc.subjectrealizing the benefitsen_US
dc.subjectsupport from family membersen_US
dc.subjectsupport from health team personnelen_US
dc.subjectknowledgeen_US
dc.subjectทารกในครรภ์ พัฒนาการen_US
dc.subjectทารกในครรภ์ การเจริญเติบโตen_US
dc.titleปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ของมารดาวัยรุ่นครรภ์แรกen_US
dc.title.alternativeFactors Related to Behaviors for Promoting Fetal Development Among Adolescent Primigravidaen_US
dc.typeThesisen_US
dc.contributor.departmentFaculty of Nursing (Obstetric and Gynaecologic Nursing and Midwifecy)-
dc.contributor.departmentคณะพยาบาลศาสตร์ ภาควิชาการพยาบาลสูติ-นรีเวชและผดุงครรภ์-
dc.description.abstract-thการวิจัยเชิงพรรณนาแบบหาความสัมพันธ์ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับ พฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ทั้งโดยรวมและรายด้านของมารดาวัยรุ่นครรภ์แรก และศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ของมารดาวัยรุ่น ครรภ์แรก กลุ่มตัวอย่างคือ มารดาวัยรุ่นครรภ์แรกที่มีช่วงอายุระหว่าง 10–19 ปี ที่มารับบริการฝาก ครรภ์ ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขจังหวัดสงขลา รวม 5 โรงพยาบาล จานวน 167 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วยแบบสอบถาม 8 ส่วน ได้แก่ (1) ข้อมูลส่วนบุคคล (2) พฤติกรรม การส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ (3) การรับรู้ประโยชน์ฯ (4) การสนับสนุนจากบุคคลใน ครอบครัวฯ (5) การสนับสนุนจากบุคลากรทีมสุขภาพฯ (6) ความรู้ฯ (7) ภาวะเครียด และ (8) ความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า ซึ่งแบบสอบถามส่วนที่ 2 - 6 ได้ผ่านการตรวจสอบความตรงตาม เนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน 3 ท่าน ค่า CVI เท่ากับ 1, 0.8, 1, 1, 1 ตามลาดับ และค่าความเที่ยง ของแบบสอบถามส่วนที่ 2-8 เท่ากับ .82, .89, .83, .93, 1, .87 และ 1 ตามลาดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ปัจจัยที่ศึกษาโดยใช้สถิติสหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน ผลการศึกษา พบว่า คะแนนพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ของ มารดาวัยรุ่นครรภ์แรกโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (M=27.36, SD=5.46) คะแนนพฤติกรรม ส่งเสริมการพัฒนาของสมองทารกในครรภ์ด้านการได้ยิน อยู่ในระดับปานกลาง (M=13.83, SD=3.29) และคะแนนพฤติกรรมส่งเสริมการพัฒนาของสมองทารกในครรภ์ด้านการรับรู้ความรู้สึก อยู่ในระดับปานกลาง (M=13.53, SD=2.82) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการส่งเสริม พัฒนาการทารกในครรภ์ของมารดาวัยรุ่นครรภ์แรก ได้แก่ การรับรู้ประโยชน์ฯ (r=.446, p < .01) การสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัวฯ (r=.423, p < .01) การสนับสนุนจากบุคลากรทีมสุขภาพฯ (r=.229, p < .01) และความรู้ฯ (r=.206, p < .05) ส่วนภาวะเครียด และความเสี่ยงต่อโรคซึมเศร้า ไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ของมารดาวัยรุ่นครรภ์แรก ผล การศึกษาครั้งนี้สามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการพยาบาลเพื่อส่งเสริมพฤติกรรม การส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ของมารดาวัยรุ่นครรภ์แรกต่อไปen_US
Appears in Collections:648 Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
6210420068.pdf3.53 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons