Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17069
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorปิยะนุช ปรีชานนท์-
dc.contributor.authorกัญชริญา พรหมแก้ว-
dc.date.accessioned2021-05-18T06:42:30Z-
dc.date.available2021-05-18T06:42:30Z-
dc.date.issued2559-
dc.identifier.urihttp://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17069-
dc.descriptionบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต(บริหารธุรกิจ),2559en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand*
dc.rights.urihttp://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/*
dc.subjectความใส่ใจสุขภาพen_US
dc.subjectการรับรู้คุณประโยชน์en_US
dc.subjectทัศนคติen_US
dc.titleความสัมพันธ์ระหว่างความใส่ใจสุขภาพ การรับรู้คุณประโยชน์และทัศนคติต่อการดื่มกาแฟของผู้บริโภคชาวพัทลุงen_US
dc.title.alternativeThe Relationship between Health Consciousness, Perceived Value and Attitude toward Coffee Consumption of consumer in Phatthalungen_US
dc.typeThesisen_US
dc.contributor.departmentFaculty of Management Sciences (Business Administration)-
dc.contributor.departmentคณะวิทยาการจัดการ ภาควิชาบริหารธุรกิจ-
dc.description.abstract-thงานวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความใส่ใจสุขภาพกับทัศนคติต่อการดื่มกาแฟ ความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้คุณประโยชน์กับทัศนคติต่อการดื่มกาแฟ รวมถึงศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความใส่ใจสุขภาพและการรับรู้คุณประโยชน์ของกาแฟ โดยกำหนดกลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ที่เคยบริโภคกาแฟในจังหวัดพัทลุง จำนวน 385 ตัวอย่าง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดยการแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์หาความสัมพันธ์โดยการใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson’s Product Moment Correlation Coefficient) โดยกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ เพศหญิง ร้อยละ 55.06 มีอายุระหว่าง 50-59 ปี ร้อยละ 26.75 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนตํ่ากว่า 10,000 บาท ร้อยละ 31.95 การศึกษาระดับปริญญาตรี ร้อยละ 40.78 เป็นข้าราชการ/เจ้าหน้าที่ของรัฐ ร้อยละ 39.48 มีความถี่ในการดื่มกาแฟวันละครั้ง ร้อยละ 53.77 และมีวัตถุประสงค์ในการดื่มกาแฟเพื่อแก้ง่วง ร้อยละ 54.29 การศึกษาความสัมพันธ์พบว่า ความใส่ใจสุขภาพกับทัศนคติต่อการดื่มกาแฟไม่มีความสัมพันธ์กัน ความใส่ใจสุขภาพและการรับรู้คุณประโยชน์ของกาแฟไม่มีความสัมพันธ์กัน และการรับรู้คุณประโยชน์มีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกันกับทัศนคติต่อการดื่มกาแฟ ในระดับปานกลาง กล่าวคือผู้บริโภคกาแฟที่มีการรับรู้คุณประโยชน์ของกาแฟมากจะมีทัศนคติต่อการดื่มกาแฟในระดับมากเช่นกัน ดังนั้นหากผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นให้ผู้บริโภคดื่มกาแฟมากขึ้น จะต้องนำเสนอคุณประโยชน์ของกาแฟมากกว่ากระตุ้นในเรื่องของการรักสุขภาพen_US
Appears in Collections:460 Minor Thesis



This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons