PSU Knowledge Bank Collection:
http://kb.psu.ac.th:80/psukb/handle/2553/3581
2024-03-29T13:40:54Zชาสมุนไพรสำหรับลดระดับน้ำตาลในเลือดผ่านการยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส
http://kb.psu.ac.th:80/psukb/handle/2016/18139
Title: ชาสมุนไพรสำหรับลดระดับน้ำตาลในเลือดผ่านการยับยั้งเอนไซม์แอลฟากลูโคซิเดส
Authors: สุกัญญา เดชอดิศัย2566-01-01T00:00:00Zการพัฒนาอนุพันธ์ Mitragynine ที่คาดว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
http://kb.psu.ac.th:80/psukb/handle/2016/18136
Title: การพัฒนาอนุพันธ์ Mitragynine ที่คาดว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
Authors: ลือลักษณ์ ล้อมลิ้ม; วรมย์ญลิน ทิพย์มณี; จุไรทิพย์ หวังสินทวีกุล2566-01-01T00:00:00Zฤทธิ์ต้านเบาหวานของอนุพันธ์อินเตอร์รับตินที่สกัดจากเฟิร์นไซโคลซอรัส เทอร์มิแนนส์
http://kb.psu.ac.th:80/psukb/handle/2016/17644
Title: ฤทธิ์ต้านเบาหวานของอนุพันธ์อินเตอร์รับตินที่สกัดจากเฟิร์นไซโคลซอรัส เทอร์มิแนนส์
Authors: สิรีวรรณ แก้วสุวรรณ
Abstract: The fern Cyclosorus terminans has long been consumed as a vegetable in northern Thailand. It has been reported as the source of coumarin derivatives, interruptins A and B. In this study, they were found to exhibit in vitro antidiabetic property by enhancing the glucose consumption into hepatocytes and skeletal muscle cells through PPAR-Y pathway. Likewise, both interruptins A and B also increased glycogen accumulation in heptaocytes, while only interruptin B could encourage glycogen content in muscle cells. Interestingly, prepared interruptin-rich extract (IRE) demonstrated not only no cytotoxicity toward hepatocytes and skeletal muscle cells, but also activated glucose uptake into both cells. Furthermore, acute toxicity study Wistar rats revealed no mortality or signs of toxicity after a single oral of 2,000 mg/kg IRE administration and indicated the LDso as 2,000-5,000 mg/kg body weight. Moreover, interruptin B displayed potent anti-inflammation through NO radical scavenging and NO production inhibition in macrophage RAW264.7 cells with ICso of 67.68 and 0.81 JM followed by interruptin A with JCso of 90.07 and 12.18 |uM, respectively. These compounds also down-regulated iNOS and up-regulated PPAR-Y mRNA expression in a dose-dependent manner. Additionally, the appropriate HPLC method for analysis the corresponding interruptins content in C. terminans extract was successfully validated according to ICH requirement. To the best of our knowledge, this is the first study describing anti-diabetic activity in liver and muscle cells and anti-inflammatory activity in macrophage cells of isolated interruptins A and B. These actions may be due to an induction of PPAR-Y. These results are very promising to find that C. terminans extract with
active interruptin derivatives might be a potential natural material for anti-diabetic application. Nevertheless, more research is still required to address questions surrounding in vivo anti-diabetes.2562-01-01T00:00:00Zการพัฒนาวิธีเตรียมสารสกัดเฟิร์น (Cyclosorus terminans) ที่มีอินเตอร์รับตินเอและบีในปริมาณสูงและมีความคงตัว
http://kb.psu.ac.th:80/psukb/handle/2016/13382
Title: การพัฒนาวิธีเตรียมสารสกัดเฟิร์น (Cyclosorus terminans) ที่มีอินเตอร์รับตินเอและบีในปริมาณสูงและมีความคงตัว
Authors: สิรีวรรณ วิริยกุลโอภาศ; ภาณุพงศ์ พุทธรักษ์
Abstract: เฟิร์น Cyclosorus terminans (วงศ์ Thelypteridaceae) เป็นพืชชั้นต่ำที่พบได้ทั่วไปในเขตร้อนชื้น โดยเฉพาะภาคใต้ของประเทศไทย ยอดอ่อนสามารถรับประทานเป็นอาหารได้และเป็นสมุนไพรมีศักยภาพใน การพัฒนาเป็นยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเบาหวานและความอ้วนเนื่องจากมีสารออกฤทธิ์อินเตอร์รับตินเอ และบีงานวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาวิธีการเตรียมสารสกัดเฟิร์น C. terminans ที่มีสารกลุ่ม อินเตอร์รับตินในปริมาณสูงและมีความคงตัว โดยศึกษาเปรียบเทียบผลการสกัดสารอินเตอร์รับตินด้วย ตัวทำละลาย 3 ชนิด ได้แก่ เอทานอล 95% ไอโซโพรพานอล และเอธิลอะซิเตท และใช้วิธีการสกัด 4 วิธี ได้แก่ การแช่หมักโดยใช้เครื่องเขย่า การแช่หมักโดยใช้เครื่องเขย่าด้วยคลื่นความถี่สูง การแช่หมักโดยคลื่น ไมโครเวฟ และการสกัดแบบไหลย้อนกลับ จากการศึกษาพบว่าการสกัดด้วยตัวทำละลายเอธิลอะซิเตทโดยวิธีสกัดแบบไหลย้อนกลับให้ปริมาณสารอินเตอร์รับตินรวม (เอ บี และซี) สูงสุดเท่ากับ 0.21 %w/w ของน้ำหนัก ผงยาเริ่มต้น นอกจากนี้การใช้ตัวทำละลายไอโซโพรพานอลในการสกัดโดยโดยใช้เครื่องเขย่าด้วยคลื่นความถี่สูง ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสกัดสารกลุ่มอินเตอร์รับตินเอ บี และซีจากเฟิร์น C. terminans เนื่องจาก ให้ปริมาณสารอินเตอร์รับตินรวม (เอ บี และซี) (0.15 %w/w) ไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการใช้ เอธิลอะซิเตท (0.14 %w/w) ในวิธีการสกัดเดียวกันและวิธีการหมักโดยใช้เครื่องเขย่า (0.16 %w/w) อย่างไรก็ตามการใช้ตัวทำละลายเอทานอล 95% แม้ว่าจะให้ปริมาณสารสกัดสูงกว่าการสกัดด้วยไอโซโพรพานอล และเอธิลอะซิเตท แต่การสกัดด้วย เอทานอล 95% สกัดได้เพียงอินเตอร์รับตินซีเท่านั้น ไม่สามารถสกัด อินเตอร์รับตินเอและบีได้
สารสกัดเฟิร์นที่สกัดด้วยตัวทำละลายเอธิลอะซิเตทโดยวิธีสกัดแบบไหลย้อนกลับ และสารสกัดเฟิร์นที่สกัดด้วยตัวทำละลายไอโซโพรพานอลโดยใช้เครื่องเขย่าด้วยคลื่นความถี่สูงมีความคงตัวทางกายภาพและเคมีดี เมื่อเก็บในภาชนะปิดสนิทและป้องกันแสงที่อุณหภูมิต่าง ๆ ได้แก่ ในที่เย็น (4°C) อุณหภูมิห้อง (30°C) และในสภาวะเร่ง (45°C) รวมทั้งวางไว้ในที่มีแสงในอุณหภูมิห้อง (30°C) เป็นเวลานาน 3 เดือน และมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ แบคทีเรียกรัมบวกชนิด MSSA และ MRSA ได้โดยมีค่า MIC เท่ากับ 16-64 μg/ml โดยสารสกัดเฟิร์นที่สกัด ด้วยตัวทำละลายเอธิลอะซิเตทโดยวิธีสกัดแบบไหลย้อนกลับ มีฤทธิ์ดีกว่าสารสกัดเฟิร์นที่สกัดด้วยตัวทำละลาย ไอโซโพรพานอลโดยใช้เครื่องเขย่าด้วยคลื่นความถี่สูงประมาณ 2 เท่า
ดังนั้นการพัฒนาวิธีการเตรียมสารสกัดเฟิร์น C. terminans ที่มีสารกลุ่มอินเตอร์รับตินในปริมาณสูงและมีความคงตัวดังกล่าวจึงมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเวชสำอาง อาหารเสริมสุขภาพและยาในอนาคต2556-01-01T00:00:00Z