Please use this identifier to cite or link to this item:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19451
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | ซัมซู สาอุ | - |
dc.contributor.author | ดานียา มาแจ | - |
dc.date.accessioned | 2024-06-06T07:18:49Z | - |
dc.date.available | 2024-06-06T07:18:49Z | - |
dc.date.issued | 2023 | - |
dc.identifier.uri | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19451 | - |
dc.description | ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (การบริหารและการจัดการการศึกษาอิสลาม), 2566 | en_US |
dc.description.abstract | The objectives of this research are 1) to develop a training package for teachers to create a collaborative network to develop out-of-school learning resources for Islamic private schools in Saiburi District, Pattani Province, and 2) to examine the results of using this proposed training package. The samples were 8 secondary school teachers in 4 private Islamic schools under Salindong Bayu school group, Saiburi District, Pattani Province. The research instruments comprised a training package consisting of training plans and the training satisfaction questionnaire. The results show that (1) the training package was developed under the concept of shura and jamaah which consisted of a 6-step process: awareness of the need for network building, coordination step of organization/network organization, covenant-making, network management, relationship development, and maintain the relationship, and (2) teachers were able to develop a Saiburi city walk guide book for the students which comprised of 4 activities namely: visit the palace (istana raja), taste the food (cuba makan), build relationships (kawan kita), create a multicultural society (saleng budaya). Furthermore, teachers were satisfied with participating in the activities at a high level. | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | en_US |
dc.rights | Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand | * |
dc.rights.uri | http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/ | * |
dc.subject | เครือข่ายความร่วมมือ | en_US |
dc.subject | แหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียน | en_US |
dc.subject | โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม | en_US |
dc.subject | อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี | en_US |
dc.title | การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียนสำหรับโรงเรียนเอกชน สอนศาสนาอิสลามในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี | en_US |
dc.title.alternative | The Development of a Collaborative Network for Developing Out of School Learning Resources among Islamic Private Schools in Saiburi District, Pattani Province | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.contributor.department | Faculty of Islamic Sciences | - |
dc.contributor.department | คณะวิทยาการอิสลาม | - |
dc.description.abstract-th | การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาแหล่ง เรียนรู้นอกโรงเรียนส าหรับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามในอ าเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี และ 2) เพื่อศึกษาผลจากกระบวนการดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างเป็นครูผู้สอนระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียน เอกชนสอนศาสนาอิสลาม กลุ่มสลินดงบายู อ าเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จ านวน 4 โรงเรียน โรงเรียนละ 2 คน รวม 8 คน ใช้วิธีการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ กิจกรรมพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือ แบบสัมภาษณ์กลุ่ม และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ ผลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา และใช้สถิติเชิงพรรนณา ผลการวิจัยพบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้ที่ พัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “การพัฒนาเครือข่าย” มีกระบวนการ 6 ขั้นตอนคือ ขั้นตระหนักถึงความ จ าเป็นในการสร้างเครือข่าย ขั้นประสานหน่วยงาน/องค์กรเครือข่าย ขั้นสร้างพันธสัญญาร่วมกัน ขั้น บริหารจัดการเครือข่าย ขั้นพัฒนาความสัมพันธ์ และขั้นรักษาความสัมพันธ์ และ 2) ครูผู้สอนสามารถ ใช้เครือข่ายการเรียนรู้ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียนใน โดยออกแบบและทดลองใช้แผนการ จัดการเรียนรู้แบบบูรณาการแหล่งเรียนรู้เมืองสายบุรีด้วยแนวคิด “ชมวัง-ชิมอาหาร-สานสัมพันธ์ฉันท์ มิตร-สร้างสังคมพหุวัฒนธรรม” มีการทดลองสอน วิพากษ์ และนิเทศการสอน และมีความพึงพอใจ ในการเข้าร่วมกิจกรรมในระดับมาก | en_US |
Appears in Collections: | 761 Thesis |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6320420106.pdf | ดานียา | 1.9 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License