Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19224
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorคมสันต์ วงค์วรรณ์-
dc.contributor.authorจักรวิดา เหล็กนิ่ม-
dc.date.accessioned2023-12-19T09:28:23Z-
dc.date.available2023-12-19T09:28:23Z-
dc.date.issued2023-
dc.identifier.urihttp://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/19224-
dc.descriptionปรัชญาดุษฎีบัณฑิต (พัฒนามนุษย์และสังคม), 2566en_US
dc.description.abstractThe objectives of this research and development study were to 1) study the history of the folk songs for the Nang-Talung music, 2) develop the folk songs for the Nang-Talung music into the piano music, 3) find the efficiency of the piano music of Patcha and Lakuduwor songs, and 4) study the results of the piano practice with Patcha and Lakuduwor songs. The study contained two phases. The first phase was the qualitative study of in-depth interviews with key informants, and the data was analyzed by the content analysis. The second phase was the quantitative study of 12 target participants selected by the purposive sampling method, and the data was analyzed by the analysis of variance with Repeated Measures Designs and One-Way ANOVA. The study disclosed the results as follows. 1. Most of the folk songs for the Nang-Talung music were the songs from the central region which pipers were familiar with and brought to play for the Nang-Talung music; and for the Nang-Talung music of “Wayungkulei”, the Malay music from Rong Ngeng Dance songs was used. 2. The folk songs for the Nang-Talung music were arranged for 12 piano music songs: Patcha, Hoomroong 1 (Samniengmon), Kuenpi (Bogrueng), Laoduangduan, Kaekmonbangkhunphrom, Rateepradabdao, Khmerlorong, Kubmaibantaw, Komwan, Loykrathong, Kluaimai, and Lakuduwor. 3. The piano music of Patcha and Lakuduwor songs was effective at 71.10/76.90 which was above the threshold. 4. The effects of practicing Patcha and Lakuduwor songs on concentration, memory skill, performance skills, and attention to music learning and practicing were significantly different at .05, .01, and .01 respectively. The piano music from the folk songs for the Nang-Talung music was valuable for innovation and literature. It was recorded by the Sibelius software and published as an e-book.en_US
dc.description.sponsorshipทุนอุดหนุนการทำวิจัยเพื่อวิทยานิพนธ์ ปีงบประมาณ 2560 จากบัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand*
dc.rights.urihttp://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/*
dc.subjectFolk Songs for the Nang-Talung Musicen_US
dc.subjectPiano Musicen_US
dc.subjectConcentrationen_US
dc.subjectMemory Skillsen_US
dc.subjectPerformance Skillsen_US
dc.subjectAttention to Music Learning and Practicingen_US
dc.subjectบทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงen_US
dc.subjectบทเพลงเปียโนen_US
dc.subjectสมาธิen_US
dc.subjectทักษะการจำen_US
dc.subjectทักษะการบรรเลงen_US
dc.subjectความสนใจในการเรียนและฝึกดนตรีen_US
dc.titleผลของบทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงที่บรรเลงด้วยเปียโนที่มีต่อสมาธิ ความจำ และความสนใจของเด็กen_US
dc.title.alternativeThe Effect of Traditional Songs, Nang-Talung Music Playing by Piano on Concentration, Memory and Attention of Childrenen_US
dc.typeThesisen_US
dc.contributor.departmentFaculty of Liberal Arts (Educational Foundation)-
dc.contributor.departmentคณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาสารัตถศึกษา-
dc.description.abstract-thการวิจัยและพัฒนานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาประวัติความเป็นมาของบทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุง 2) พัฒนาบทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงเป็นบทเพลงเปียโน 3) หาประสิทธิภาพของบทเพลงเปียโนเพลงพัดชาและเพลงลาฆูดูวอ และ 4) ศึกษาผลการฝึกเปียโนด้วยบทเพลงพัดชาและเพลงลาฆูดูวอ ซึ่งการวิจัยนี้แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ ใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลัก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์เนื้อหา และระยะที่ 2 เป็นวิจัยเชิงปริมาณ ศึกษากับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 12 คน ใช้วิธีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติการวิเคราะห์ความแปรปรวนด้วยเทคนิค Repeated Measures Designs และ One-Way ANOVA ผลการวิจัย พบว่า 1. บทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงส่วนใหญ่เป็นเพลงจากภาคกลาง ซึ่งนายปี่รู้จักจึงนำมาบรรเลงกับหนังตะลุง และเพลงหนังตะลุง “วายังกูเละ” ใช้ดนตรีมลายูจากเพลงการแสดงรองเง็ง 2. บทเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงนำมาเรียบเรียงเป็นบทเพลงเปียโนได้ 12 เพลง คือ เพลงพัดชา เพลงโหมโรง 1 (สำเนียงมอญ) เพลงขึ้นปี่ (บอกเรื่อง) เพลงลาวดวงเดือน เพลงคำหวาน เพลงแขกมอญบางขุนพรม เพลงราตรีประดับดาว เพลงเขมรลออองค์ เพลงขับไม้บัณเฑาะว์ เพลงลอยกระทง เพลงกล้วยไม้ และเพลงลาฆูดูวอ 3. บทเพลงเปียโนเพลงพัดชาและเพลงลาฆูดูวอ มีประสิทธิภาพ 71.10/76.90 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด 4. ผลของการฝึกเพลงพัดชาและเพลงลาฆูดูวอที่มีต่อสมาธิ ทักษะการจำ ทักษะการบรรเลง และความสนใจในการเรียนและฝึกดนตรี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05 .01 และ .01 ตามลำดับ บทเพลงเปียโนจากเพลงพื้นบ้านดนตรีหนังตะลุงมีคุณค่าในแง่ของนวัตกรรมและวรรณกรรม ได้บันทึกในรูปแบบบทเพลงเปียด้วยโปรแกรม Sibelius และเผยแพร่เป็นหนังสือ E-booken_US
Appears in Collections:895 Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
5811130008.pdf16.97 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons