Please use this identifier to cite or link to this item:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/18040
Full metadata record
DC Field | Value | Language |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | ศมนนันท์ ทัศนีย์สุวรรณ | - |
dc.contributor.author | ฉวีวรรณ พูลสุข | - |
dc.date.accessioned | 2023-04-20T04:33:25Z | - |
dc.date.available | 2023-04-20T04:33:25Z | - |
dc.date.issued | 2022 | - |
dc.identifier.uri | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/18040 | - |
dc.description | พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ), 2565 | en_US |
dc.description.abstract | This study aimed to describe the lived experiences of caring for self to prevent infection among patients with leukemia undergoing chemotherapy during the COVID-19 pandemic. Descriptive phenomenology qualitative approach was used with twelve participants who had leukemia and were undergoing chemotherapy during the COVID-19 pandemic. Data were collected using in-depth individual interviews. Data were analyzed using the Colaizzi method. The findings revealed 5 main points of the lived experiences of caring for self to prevent infection among patients with leukemia undergoing chemotherapy during the COVID-19 pandemic. These were (1) careful and strict self-care, (2) life under protective measures against Covid-19 is difficult, (3) protective measures against Covid-19 make life safe, (4) receiving advice and encouragement from other people, and (5) understanding life and claming down. The findings of this study provide understanding of the lived experiences of caring for self to prevent infection among patients with leukemia undergoing chemotherapy during the COVID-19 pandemic. The findings can be used to design nursing intervention to support caring for self to prevent infection for leukemic patients during the COVID-19 pandemic. | en_US |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | en_US |
dc.rights | Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand | * |
dc.rights.uri | http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/ | * |
dc.subject | การดูแลตนเองในการป้องกันการติดเชื้อ | en_US |
dc.subject | สถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 | en_US |
dc.subject | มะเร็งเม็ดเลือดขาว ผู้ป่วย การดูแล | en_US |
dc.subject | การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง | en_US |
dc.title | ประสบการณ์การดูแลตนเองในการป้องกันการติดเชื้อของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 | en_US |
dc.title.alternative | The Lived Experiences of Caring for Self to Prevent Infection Among Patients With Leukemia Undergoing Chemotherapy During COVID-19 Pandemic | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.contributor.department | Faculty of Nursing (Adult and Elderly Nursing) | - |
dc.contributor.department | คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ | - |
dc.description.abstract-th | การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อบรรยายประสบการณ์การดูแลตนเองในการป้องกันการติดเชื้อของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 โดยใช้วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพแบบปรากฏการณ์วิทยาแบบบรรยาย ผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 12 ราย เก็บข้อมูลโดยวิธีการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกรายบุคคล วิเคราะห์ข้อมูลตามวิธีการของโคไลซี่ ผลการศึกษา พบว่า ประสบการณ์การดูแลตนเองในการป้องกันการติดเชื้อของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ผู้ให้ข้อมูลสะท้อนออกมา 5 ประเด็น ได้แก่ (1) ระมัดระวัง และเข้มงวดกับการดูแลตนเองอย่างเคร่งครัด (2) ชีวิตยุ่งยากลำบาก จากมาตรการป้องกันโควิด (3) มาตรการป้องกันโควิด ทำให้ชีวิตปลอดภัย (4) ได้รับคำแนะนำและกำลังใจจากคนรอบข้าง และ (5) ใช้ชีวิตอย่างเข้าใจ ทำใจให้สงบ การศึกษาครั้งนี้ ทำให้เข้าใจประสบการณ์การดูแลตนเองในการป้องกันการติดเชื้อของผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ได้รับยาเคมีบำบัด ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 อีกทั้ง ผลการศึกษาสามารถนำมาวางแผนการพยาบาลเพื่อสนับสนุนให้ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีการป้องกันการติดเชื้อที่เหมาะสมในสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 | en_US |
Appears in Collections: | 646 Thesis |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
6210420012.pdf | 1.29 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License