Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17778
Title: ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุง
Other Titles: Factors Affecting Parenting Stress of Adolescent Mothers Receiving Support Grants for Raising Newborn Babies in Phatthalung Province
Authors: เกษตรชัย และหีม
ยุพาภรณ์ อภินันท์ดา
Faculty of Liberal Arts (Educational Foundation)
คณะศิลปศาสตร์ ภาควิชาสารัตถศึกษา
Keywords: มารดาวัยรุ่น สุขภาพจิต;บุตรของมารดาวัยรุ่น
Issue Date: 2020
Publisher: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Abstract: The objectives of this research were to study 1) parenting stress of adolescent mothers receiving support grants for raising newborn babies in Phatthalung Province; 2) the relationship between characteristics of mothers and children, social support factors and the stress of adolescent mothers; 3) factors affecting parenting stress of adolescent mothers; and 4) guidelines for the management of parenting stress of adolescent mothers. The data were collected from 220 participants and analyzed by using Pearson correlation and multiple regressions. The results of the research were as follows. 1) Adolescent mothers who receive support grants for raising newborn babies in Phatthalung Province had a moderate level of stress (X - 2.74, S.D= 0.42). 2) The feeling of health burdens (r = 0.270), the feeling of financial burdens (r *= 0.240), and the feeling of lack of self-esteem (r = 0.225) were positively correlated with the parenting stress at the significance level of. 001. The perception of lack of parenting ability (r = 0.214) was positively correlated with the parenting stress at the significance level of .01. The lack of emotional support (r = 0. 137) and evaluation support (r = 0.135) was positively correlated with the parenting stress at the significance level of .05. However, the feeling of daily chore burdens, emotional tantrums in newborn babies, the lack of information and news support, and the lack of material support were not significantly correlated with parenting of adolescent mothers receiving support grants for raising newborn babies in Phatthalung Province. 3) Three factors affecting parenting stress of adolescent mothers at the significance level of. 001 were the feeling of financial burdens, the feeling of health problems, and the feeling of lack of self-esteem. The feeling of financial burdens (B = 0. 193) had the highest effect on parenting stress followed by the feeling of health burdens (B = 0.172) and the feeling of lack of self-esteem (B = 0.093) respectively. 4) The vital guidelines for dealing with parenting stress of adolescent mothers are doing activities in order to relieve stress, seeking advice from a reliable person and expressing their feelings and emotions to trusted people.
Abstract(Thai): การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุง 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้าน ลักษณะของมารดา ปัจจัยด้านลักษณะของเด็ก และปัจจัยการสนับสนุนทางสังคมกับความเครียดของแม่วัยรุ่น 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่น และ 4) ศึกษาแนวทางการจัดการความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่น โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 220 คน เพื่อวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และค่าสัมประสิทธิ์สหพันธ์ พหุคูณเชิงเส้น ผลของการวิจัยมีดังนี้ 1) แม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุงมีค่าเฉลี่ยความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (X = 2.74, S.D= 0.42) 2) ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพ (r=0.270) ความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน (r=0.240)และความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง (r=0.225) มีความสัมพันธ์ทางบวิกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 การรับรู้ว่าขาดสมรรถนะในการเลี้ยงดูบุตร (r=0.214) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01การขาดการสนับสนุนด้านอารมณ์ (r=0.137) และการขาดการสนับสนุนด้านการประเมินค่า (r=0.135) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในขณะที่ความรู้สึกเป็นภาระด้านกิจวัตรประจำวัน พื้นฐานทางอารมณ์ฉุนเฉียวของทารก การขาดการสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร และการขาดการสนับสนุนด้านแรงงานวัตถุมีความสัมพันธ์กับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุงอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 มีจำนวน 3 ปัจจัย ได้แก่ ความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพและความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง โดยความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน (B - 0.193) ส่งผลต่อ ความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรสูงที่สุด รองลงมาคือ ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพ (B - 0.172) และความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง (฿ - 0.093) 4) แนวทางการจัดการกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่สำคัญ ได้แก่ การทำ กิจกรรมต่างๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด การขอคำปรึกษาแนะนำจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ และการระบายความรู้สึกอารมณ์กับคนที่ไว้วางใจ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุง 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้าน ลักษณะของมารดา ปัจจัยด้านลักษณะของเด็ก และปัจจัยการสนับสนุนทางสังคมกับความเครียดของแม่วัยรุ่น 3) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่น และ 4) ศึกษาแนวทางการจัดการความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่น โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 220 คน เพื่อวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และค่าสัมประสิทธิ์สหพันธ์ พหุคูณเชิงเส้น ผลของการวิจัยมีดังนี้ 1) แม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุงมีค่าเฉลี่ยความเครียดอยู่ในระดับปานกลาง (X = 2.74, S.D= 0.42) 2) ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพ (r=0.270) ความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน (r=0.240)และความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง (r=0.225) มีความสัมพันธ์ทางบวิกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 การรับรู้ว่าขาดสมรรถนะในการเลี้ยงดูบุตร (r=0.214) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01การขาดการสนับสนุนด้านอารมณ์ (r=0.137) และการขาดการสนับสนุนด้านการประเมินค่า (r=0.135) มีความสัมพันธ์ทางบวกกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ในขณะที่ความรู้สึกเป็นภาระด้านกิจวัตรประจำวัน พื้นฐานทางอารมณ์ฉุนเฉียวของทารก การขาดการสนับสนุนด้านข้อมูลข่าวสาร และการขาดการสนับสนุนด้านแรงงานวัตถุมีความสัมพันธ์กับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดในจังหวัดพัทลุงอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 มีจำนวน 3 ปัจจัย ได้แก่ ความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพและความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง โดยความรู้สึกเป็นภาระด้านการเงิน (B - 0.193) ส่งผลต่อ ความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรสูงที่สุด รองลงมาคือ ความรู้สึกเป็นภาระด้านสุขภาพ (B - 0.172) และความรู้สึกไม่มีคุณค่าในตนเอง (฿ - 0.093) 4) แนวทางการจัดการกับความเครียดในการเลี้ยงดูบุตรของแม่วัยรุ่นที่สำคัญ ได้แก่ การทำ กิจกรรมต่างๆ เพื่อผ่อนคลายความเครียด การขอคำปรึกษาแนะนำจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ และการระบายความรู้สึกอารมณ์กับคนที่ไว้วางใจ
Description: วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (พัฒนามนุษย์และสังคม))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2563
URI: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17778
Appears in Collections:895 Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
447681.pdf2.22 MBAdobe PDFView/Open


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons