Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17188
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.advisorกุลจิรา อุดมอักษร-
dc.contributor.authorวันชัย อินทอง-
dc.date.accessioned2021-07-29T09:40:52Z-
dc.date.available2021-07-29T09:40:52Z-
dc.date.issued2019-
dc.identifier.urihttp://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17188-
dc.descriptionวิทยานิพนธ์ (ภ.ม. (เภสัชศาสตร์สังคมและการบริหาร))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2562en_US
dc.description.abstractThe objective of this study was to analyse the unit cost of Ko Lanta Hospital, Ko Lanta District, Krabi. Descriptive study was employed using utilization data during the fiscal year 2017 (1 October 2016 - 30 September 2017). There were 3 major parts of study process: 1) analyzed and classified activities for each health care service 2) determined category of cost consumed by each activity and 3) calculated cost of services and unit cost, respectively Result: the top three services accounted for the highest unit cost were inpatient services (2,176 baht/hospital bed day), followed by outpatient services during (717 baht/visit; 704 baht/visit for overtime service) and health promotion and prevention services (404 baht/head), respectively. Matemity service accounted for the highest unit cost among inpatient service (5,597.23 baht/hospital bed day). Referral service was highest unit cost service among outpatient services (2,277.39 baht/visit; 5,941.78 baht/visit for overtime service). The highest unit cost service among promotion and prevention services was communicable disease control service (847.96 baht/head) The activities of pharmacy service and laboratory test accounted for the biggest proportion of service cost. Medicine cost and laboratory supplies were the biggest cost for those high cost activities respectively. When considering by cost category, it was found that the labor cost accounted for the biggest proportion (64.10% of the total cost), followed by material cost (23.05%) and the allocation cost (12.85%) respectively. Salaries/wages took the biggest proportion of labor cost (59.92%) The study found only 3 profitable (income over cost) services. Those were Thai traditional medicine services, physical therapy and rehabilitation services and the dental service (only for the group of patients who pay by themselves). Conclusion: there were 2 major policy recommendations from the study finding 1) Reducing expenditure, especially labor costs, the hospital should optimize the management system of overtime working and also the measures to ensure rational use of medicines and laboratory supplies. 2) Increasing revenue by promoting patient access to those profitable services: traditional Thai medicine services, dental services, and physical therapy and rehabilitation services.-
dc.language.isothen_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์en_US
dc.rightsAttribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand*
dc.rights.urihttp://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/*
dc.subjectโรงพยาบาลเกาะลันตา เกาะลันตา (กระบี่) ต้นทุนen_US
dc.subjectโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานen_US
dc.titleการศึกษาต้นทุนต่อหน่วยบริการของโรงพยาบาลเกาะลันตาด้วยวิธีวิเคราะห์ ต้นทุนแบบอิงกิจกรรมen_US
dc.title.alternativeUnit Cost Study of Ko Lanta Hospital Employing Activity Based Approachen_US
dc.typeThesisen_US
dc.contributor.departmentFaculty of Pharmaceutical Sciences (Pharmacy Administration)-
dc.contributor.departmentคณะเภสัชศาสตร์ ภาควิชาบริหารเภสัชกิจ-
dc.description.abstract-thการวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ประสงค์เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนต่อหน่วยการบริการของ โรงพยาบาลเกาะลันตา อําเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยวิธีศึกษาเชิงพรรณนา (Descriptive study) โดยใช้ข้อมูลในปีงบประมาณ 2560 (1 ตุลาคม 2559 – 30 กันยายน 2560) มีขั้นตอนการดําเนินงานวิจัย แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1) การวิเคราะห์และระบุกิจกรรมจากบริการของโรงพยาบาล 2) การระบุ ชนิดของต้นทุนตามกิจกรรม และ 3) การคํานวณต้นทุนบริการและต้นทุนต่อหน่วยบริการ ตามลําดับ ผลการศึกษาพบว่า บริการหลักที่มีต้นทุนต่อหน่วยการให้บริการสูงสุดคือ บริการ ผู้ป่วยใน (2,176.15 บาท/วันนอน) รองลงมา คือ บริการผู้ป่วยนอกในเวลาราชการ (717.36 บาท/ครั้ง การบริการ) บริการผู้ป่วยนอกนอกเวลาราชการ (703.99 บาท/ครั้งการบริการ) และบริการส่งเสริม ป้องกัน (257.16 บาท/ครั้งการบริการ) ตามลําดับ หากจําแนกตามบริการย่อยในบริการหลักผู้ป่วยใน บริการผู้คลอด มีต้นทุนต่อหน่วย ให้บริการสูงสุด (5,597.23 บาท/วันนอน) สําหรับบริการผู้ป่วยนอกทั้งในและเวลาราชการ มีต้นทุนต่อ หน่วยให้บริการสูงสุด คือ บริการส่งต่อผู้ป่วย (ในเวลาราชการ 2,277.39 บาท/ครั้งการบริการ และนอก เวลาราชการ 5,941.78 บาท/ครั้งการบริการ) บริการส่งเสริม ป้องกัน มีต้นทุนต่อหน่วยให้บริการสูงสุด คือ บริการควบคุมโรคติดต่อ (847.96 บาท/ครั้งการ) กิจกรรมที่มีต้นทุนเป็นสัดส่วนสูงสุดของการบริการส่วนใหญ่ คือ กิจกรรมบริการเภสัช กรรม ซึ่งมีต้นทุนค่ายาเป็นสัดส่วนใหญ่ และบริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีต้นทุนวัสดุวิทยาศาสตร์ การแพทย์ เป็นสัดส่วนใหญ่ เมื่อพิจารณาจําแนกต้นทุนตามประเภท พบว่า ต้นทุนค่าแรง เป็นสัดส่วนสูงสุด 64.10% ของต้นทุนทั้งหมด รองลงมาคือ ต้นทุนด้านวัสดุ (23.05%) และ ต้นทุนปันส่วน (12.85%) ตามลําดับ ต้นทุนค่าแรงที่เป็นสัดส่วนใหญ่ คือ เงินเดือน/ค่าจ้าง (59.92% ของต้นทุนค่าแรงรวม) ผลการศึกษาพบว่า มีเพียง 3 บริการที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ํากว่ารายได้ต่อหน่วยที่ได้รับ เมื่อเฉลี่ยต้นทุนทั้งนอกและในเวลาราชการ ได้แก่ บริการแพทย์แผนไทย บริการกายภาพบําบัดและฟื้นฟู และ บริการคลินิกทันตกรรม รายได้เฉลี่ยที่สูงกว่าต้นทุนเฉพาะการบริการในสิทธิชําระเงินเองใน ชาวต่างชาติ และ ข้าราชการ (ชําระเงินเอง) สรุปผลการศึกษาและข้อเสนอแนะ เพื่อพิจารณากําหนดนโยบายด้านการเงินการคลัง ของโรงพยาบาล และการปรับปรุงประสิทธิภาพการทํางาน ดังนี้ 1) การลดค่าใช้จ่าย กล่าวคือ ต้นทุน ค่าแรง ควรพิจารณาระบบการจัดการเวรนอกเวลาราชการให้เหมาะสม คุ้มค่า พิจารณามาตรการกํากับ การใช้ยาและวัสดุวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างสมเหตุผล 2) การเพิ่มรายได้ เพิ่มการเข้าถึงบริการ แพทย์ แผนไทย บริการคลินิกทันตกรรม และ บริการกายภาพบําบัดและฟื้นฟู โดยเฉพาะในสิทธิข้าราชการ นําระเงิน และประกันสังคม-
Appears in Collections:575 Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
440124.pdf1.69 MBAdobe PDFView/Open
Show simple item record


This item is licensed under a Creative Commons License Creative Commons