กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17143
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC | ค่า | ภาษา |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | เนตรนภา คู่พันธวี | - |
dc.contributor.author | รัตติพร พาณิชย์กุล | - |
dc.date.accessioned | 2021-07-13T08:57:40Z | - |
dc.date.available | 2021-07-13T08:57:40Z | - |
dc.date.issued | 2020 | - |
dc.identifier.uri | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/17143 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (พย.ม. (การพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2563 | en_US |
dc.description.abstract | This quasi-experimental two-group pretest-posttest study aimed to examine the effects of Self-Efficacy E. nancement in the Paslop Exercise Program (SEEPEP) on gait balance and fear of falling among Thai elderly. Seventy-four participants who met inclusion criteria were selected from elderly who lived in Tha Kham sub-district, Hat Yai District, Songkhla Province. They were divided into two groups; thirty-seven participants as a control group who received routine care and thirty-seven participants as an experimental group who received the SEEPEP. The program was developed based on the concept of self-efficacy by Bandura and applied with the Paslop exercise program. The instruments used in this study consisted of the education plan, the booklet of Paslop exercise, the record form of exercise activities, and the record form of falling occurrence. The experimental group practised Paslop exercise 3 times a week each for 45 minutes. The SEEPEP was implemented for 6 weeks. Data were collected pre-intervention and post-intervention. The content validity of all instruments was examined by three experts with the content validity index of .90. The Inter-rater reliability yielded a value of 98 for Timed up and go test and a value of 90 for the Fall Efficacy scale. Data of demographic and relevant data were analyzed using descriptive statistics, Paired t-test was used to compare gait balance within group and Independent t-test for between groups. Wilcoxon Signed Ranks test was used to compare fear of falling within group and Mann-Witney U test for between groups. The result revealed that: 1. The mean score of gait balance at post-intervention in the experimental group was significantly better than that at pre-intervention (t36 = 8.08, p < 001). 2. The mean score of gait balance at post-intervention was significantly better than that in the control group (t72 = 4.31, p < .001). 3. The mean rank of fear of falling at post-intervention in the experimental group was significantly lower than that at pre-intervention (Z = -3.71, p < .001). 4. The mean rank of fear of falling at post-intervention was significantly lower than that in the control group (Z = -2.34, p < 05). Thus, nurses are recommended to apply this SEEPEP in caring for elderly living in the community with similar context. | - |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | en_US |
dc.rights | Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Thailand | * |
dc.rights.uri | http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/3.0/th/ | * |
dc.subject | การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ หาดใหญ่ (สงขลา) | en_US |
dc.subject | ผู้สูงอายุ สุขภาพและอนามัย หาดใหญ่ (สงขลา) | en_US |
dc.title | ผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบต่อการทรงตัวและความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุไทย | en_US |
dc.title.alternative | The Effects of Self-Efficacy Enhancement in paslop Exercise Program on Gait balance and Fear of Falling Among Thai Elderly | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.contributor.department | Faculty of Nursing (Adult and Elderly Nursing) | - |
dc.contributor.department | คณะพยาบาลศาสตร์ สาขาการพยาบาลผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ | - |
dc.description.abstract-th | การวิจัยกิ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบต่อการทรงตัวและความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุไทย กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปอาศัยอยู่ในตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 74 ราย แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม ที่ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ จำนวน 37 ราย และกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบ จำนวน 37 ราย โปรแกรมพัฒนาขึ้นโดยใช้กรอบแนวคิดการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของแบนดูรามาประยุกต์ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายแบบบาสโลบ เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโปรแกรม ได้แก่ แผนการสอน คู่มือการออกกำลังกายแบบบาสโลบ สมุดบันทึกความก้าวหน้าของการออกกำลังกายและบันทึกการพลัดตกหกล้ม ร่วมกับการออกกำลังกายแบบบาสโลบ จำนวน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที ระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ ประเมินผลการวิจัย 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลได้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ .90 แบบทดสอบความสามารถในการทรงตัวผ่านการทดสอบความเที่ยงด้วยการหาค่าความเท่าเทียมกันจากการสังเกต ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .98 และแบบประเมินความกลัวการหกล้มผ่านการทดสอบความเที่ยงด้วยวิธีวัดซ้ำ ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .90 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงบรรยายเปรียบเทียบการทรงตัวภายในกลุ่มด้วยสถิติที่คู่ (Paired t-test) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยสถิติทีอิสระ (Independent t-test) เปรียบเทียบความกลัวการหกลัมภายในกลุ่มด้วยสถิติวิลคอกซ์ซอน (Wilcoxon Signed Ranks Test) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยสถิติแมนน์วิทนีย์ยู (Mann-Witney U test) การวิจัยกิ่งทดลองแบบสองกลุ่มวัดผลก่อนและหลังการทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาผลของโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบต่อการทรงตัวและความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุไทย กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปอาศัยอยู่ในตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวน 74 ราย แบ่งเป็นกลุ่มควบคุม ที่ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันตามปกติ จำนวน 37 ราย และกลุ่มทดลองที่ได้รับโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบ จำนวน 37 ราย โปรแกรมพัฒนาขึ้นโดยใช้กรอบแนวคิดการรับรู้สมรรถนะแห่งตนของแบนดูรามาประยุกต์ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายแบบบาสโลบ เครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินโปรแกรม ได้แก่ แผนการสอน คู่มือการออกกำลังกายแบบบาสโลบ สมุดบันทึกความก้าวหน้าของการออกกำลังกายและบันทึกการพลัดตกหกล้ม ร่วมกับการออกกำลังกายแบบบาสโลบ จำนวน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 45 นาที ระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ ประเมินผลการวิจัย 2 ครั้ง คือ ก่อนและหลังการทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลได้ผ่านการตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ซึ่งมีค่าความตรงเชิงเนื้อหาเท่ากับ .90 แบบทดสอบความสามารถในการทรงตัวผ่านการทดสอบความเที่ยงด้วยการหาค่าความเท่าเทียมกันจากการสังเกต ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .98 และแบบประเมินความกลัวการหกล้มผ่านการทดสอบความเที่ยงด้วยวิธีวัดซ้ำ ได้ค่าความเที่ยงเท่ากับ .90 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงบรรยายเปรียบเทียบการทรงตัวภายในกลุ่มด้วยสถิติที่คู่ (Paired t-test) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยสถิติทีอิสระ (Independent t-test) เปรียบเทียบความกลัวการหกลัมภายในกลุ่มด้วยสถิติวิลคอกซ์ซอน (Wilcoxon Signed Ranks Test) และเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มด้วยสถิติแมนน์วิทนีย์ยู (Mann-Witney U test) ผลการวิจัยพบว่า 1. ค่าเฉลี่ยระยะเวลาการทรงตัวของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบดีกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (t36 = 8.08, p < .001) 2. ค่าเฉลี่ยระยะเวลาการทรงตัวของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (tz2 = 4.31, p < .001) 3. ค่าเฉลี่ยอันดับคะแนนความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบน้อยกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = -3.71, P <.001) 4. ค่าเฉลี่ยอันดับคะแนนความกลัวการหกล้มของผู้สูงอายุหลังเข้าร่วมโปรแกรมส่งเสริมการรับรู้สมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ ทางสถิติ (Z = -2.34, P < .05) พยาบาลจึงควรนำรูปแบบการส่งเสริมสมรรถนะแห่งตนในการออกกำลังกายแบบบาสโลบ ไปใช้ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีบริบทคล้ายคลึงกัน | - |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | 646 Thesis |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
440910.pdf | 3 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการนี้ได้รับอนุญาตภายใต้ Creative Commons License