กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12598
ระเบียนเมทาดาทาแบบเต็ม
ฟิลด์ DC | ค่า | ภาษา |
---|---|---|
dc.contributor.advisor | นฤทธิ์ ดวงสุวรรณ์ | - |
dc.contributor.author | นรเชษฐ ขุนทองเพชร | - |
dc.date.accessioned | 2020-02-11T09:03:26Z | - |
dc.date.available | 2020-02-11T09:03:26Z | - |
dc.date.issued | 2019 | - |
dc.identifier.uri | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12598 | - |
dc.description | วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม. (ความขัดแย้งและสันติศึกษา))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2562 | en_US |
dc.description.abstract | This qualitative research aims to study conflict resolution strategies of two rock mining Industries' Owner by comparing between background, events, causes of conflict, resolution approaches including factors that related to conflict management of rock mining Industries' Owner. The research conducted semi-structured interviews. The interview was open- ended, no determined limit which allow interviewers to propose opinion. Voice recording was included and collected data from related sources. Purposive sampling and snowball sampling were used as core methods to conduct the research. They were consisted of representatives from rock mining businesses, local community leaders (Head of villagers), representatives from government sectors, and representatives from NGO in total 15 interviewees. Key principles and conflict resolution approaches were analyzed and compared sets of data collected from two rock mine sites. Findings showed that there were differences in terms of background, events, and operation between Khao Khuha and Khao Run rock mine. Khao Khuha engaged in mining business since it was operated under Land Act 1954 of which later was changed to Mining Act 1967. Years between those periods were considered as a golden age of large mining industry. On the contrary, Khao Run entered into the business after the Mining Act 1967 was announced. Causes of conflict in Khao Khuha rock mine, apart from effects of operation to local community, it also involved the issue of communication and inclusivity that the villagers were not being informed in advance that there was an extension of concession agreement. The approaches to conflict management applied to resolve conflict at Khao Khuha rock mine were as follows; 1) Forcing competitiveness, 2) entrepreneur's responsibilities to sustain wellbeing of community, 3) negotiation with mediator, 4) threatening and harassing oppositions, 5) abusing of government authority, 6) judgement, and 7) withdrawal. The factors related to conflict management were as follows; 1) power of information, 2) personal authority, 3) social status; 4) extreme opposition, 5) power beyond remit, 6) negligence, 7) bureaucracy, and 8) distrust. The factors related mentioned above lead to failure of conflict resolution in Khao Khuha rock mine area. Environmental issue, on the other side, was a cause of a conflict at Khao Run rock mine. Residents expressed their concerns to private sector that Mining business could effect the community in the long term. However, the situation was under controlled. The approaches to conflict management applied to resolve the conflict at Khao Run rock mine were handled differently; 1) Communities participation, 2) entrepreneur's responsibilities, and 3) collaboration. The factors related to conflict management were as follows; 1) power of relationship, 2) power of acceptance and respectful, 3) physical geography, 4) distance between residential area and quarry site, 5) responsive to the needs of community, 6) informally building a rapport, 7) being trustworthy, and 8) social responsibility. The factors related mentioned above is positive factors that result in successful consequences in resolving the conflict. This research findings can be adjusted in preventing and resolving conflict between rock mining industries' owner and nearby community in the future. | - |
dc.language.iso | th | en_US |
dc.publisher | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | en_US |
dc.subject | การบริหารความขัดแย้ง รัตภูมิ (สงขลา) | en_US |
dc.subject | การบริหารความขัดแย้ง ควนขนุน (สงขลา) | en_US |
dc.subject | อุตสาหกรรมเหมืองแร่ การจัดการ รัตภูมิ (สงขลา) | en_US |
dc.subject | อุตสาหกรรมเหมืองแร่ การจัดการ ควนขนุน (พัทลุง) | en_US |
dc.title | การจัดการของผู้ประกอบการเหมืองหินอุตสาหกรรมต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งกับชุมชน : กรณีศึกษาเปรียบเทียบ เหมืองหินเขาคูหา อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และเหมืองหินเขารุน อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง | en_US |
dc.title.alternative | Conflict Resolution of Rock Mining Industries'Owner with Local Communities : Comparative Studies of Rock Mining at Khao Khuha, Rattaphum District,Songkhla Province and Rock Mining at Khao Run, Khuan Khanun District, Phatthalung Province | en_US |
dc.type | Thesis | en_US |
dc.description.abstract-th | การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงคุณภาพถึงการเปรียบเทียบการจัดการความขัดแย้ง ระหว่างผู้ประกอบการเหมืองหินอุตสาหกรรมสองแห่ง โดยมีวัตถุประสงค์ศึกษาเปรียบเทียบถึง ความเป็นมา สถานการณ์ สาเหตุของความขัดแย้งจากการทําเหมืองหิน การจัดการความขัดแย้ง และ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผลของการจัดการความขัดแย้ง ของผู้ประกอบการเหมืองหินอุตสาหกรรม การ เก็บรวบรวมข้อมูลใช้รูปแบบการสัมภาษณ์เชิงลึก แบบกึ่งโครงสร้าง (Semi-Structured Interviews) ร่วมกับการ มีแบบสัมภาษณ์ที่กําหนดประเด็นในการสัมภาษณ์ล่วงหน้าด้วยคําถามปลายเปิด บันทึกเสียงสัมภาษณ์ และรวบรวมข้อมูลจากเอกสารที่เกี่ยวข้อง การคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง ใช้วิธี เลือกผู้ให้ข้อมูลหลักด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงตามคุณสมบัติที่กําหนด (Purposive Sampling) และใช้ วิธีการเลือกตัวอย่างแบบลูกโซ่ (Snowball Sampling) กับกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการแนะนําจากกลุ่ม ผู้ให้ข้อมูลหลัก จากผู้มีส่วนได้เสีย 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ตัวแทนผู้ประกอบการเหมืองหิน ผู้นํา ชุมชนระดับท้องถิ่น ตัวแทนหน่วยงานอนุญาตกํากับและดูแล ตัวแทนกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) รวมทั้งสิ้น 15 ราย แล้วนําหลักการและแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง มาวิเคราะห์ อธิบายเปรียบเทียบข้อมูลระหว่างสองพื้นที่ ผลการศึกษาพบว่า ความเป็นมา สถานการณ์ การทําเหมืองหิน ในพื้นที่เขาคูหา และ พื้นที่เขารุน มีความแตกต่างกัน พื้นที่เขาคูหาเป็นพื้นที่ที่ถูกใช้ทําเหมืองมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งที่ การทําเหมืองยังอยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ. ที่ดิน พ.ศ. 2497 จนถึงยุคที่การทําเหมืองอยู่ในภายใต้การ ควบคุมดูแลโดยกฎหมาย พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510 เป็นยุคที่การทําเหมืองหินกลายเป็นอุตสาหกรรม ขนาดใหญ่ ในขณะที่เขารุนเพิ่งจะถูกใช้เป็นพื้นที่ทําเหมืองในยุคที่การทําเหมืองอยู่ภายใต้การ ควบคุมของ พ.ร.บ. แร่ แล้ว สําหรับสาเหตุความขัดแย้งในพื้นที่เหมือนหินเขาคูหาเกิดจากชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบจากการทําเหมืองได้รวมตัวกันเป็นเครือข่ายคัดค้านการต่อสัญญาเหมืองหินเขา คูหา อันเนื่องมาจากผลกระทบ ความเสียหายต่อทรัพย์สินที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้ประกอบการ เหมืองหิน ประกอบกับการได้ทราบว่าจะมีการต่ออายุประทานบัตรเหมืองหินในพื้นที่เขาคูหา ออกไป โดยที่ขั้นตอนการขอต่ออายุดังกล่าวได้ผ่านขั้นตอนในระดับจังหวัดไปแล้ว แต่ชาวบ้านใน พื้นที่เพิ่งจะมาทราบในภายหลัง จึงก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบการเหมืองหินกับ ชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบ พื้นที่เหมืองหินเขาคูหามีการใช้วิธีการจัดการความขัดแย้งดังนี้ 1) การแข่งขันบังคับผลักดัน 2) การดูแลชุมชนของผู้ประกอบการ 3) การเจรจาไกล่เกลี่ยคนกลาง 4) การใช้วิธีข่มขู่คุกคามต่อกลุ่มผู้เคลื่อนไหวคัดค้าน 5) การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการ 6) การตัดสินพิพากษา 7) การหลีกเลี่ยงการถอนตัว ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการความขัดแย้ง มีดังนี้ 1) อํานาจจากแหล่งข้อมูล 2) อํานาจที่มาจากลักษณะบุคคล 3) สถานภาพทางสังคม 4) คู่เจรจายึดจุดยืนที่สุดโต่ง 5) อํานาจเหนือ 6) การเพิกเฉย 7) ความยุ่งยากของระบบกระบวนการ ยุติธรรม 8) ความไม่ไว้วางใจ โดยปัจจัยที่กล่าวมาจะมีลักษณะเป็นปัจจัยที่เป็นด้านลบ ซึ่งส่งผลให้ การจัดการความขัดแย้งในพื้นที่เหมืองหินเขาคูหาประสบความล้มเหลว ส่วนความขัดแย้งในพื้นที่เหมืองหินเขารุนนั้นมีสาเหตุมาจากชาวบ้านทราบว่าจะมี บริษัทเอกชนเข้ามาทําสัมปทานเหมืองในพื้นที่ ทําให้มีชาวบ้านบางส่วนเกิดความวิตกกังวลถึง ผลกระทบที่จะตามมาในภายหลัง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะก่อให้เกิดความรุนแรง สําหรับพื้นที่ เหมืองหินเขารุนใช้วิธีการจัดการความขัดแย้งดังนี้ 1) กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน 2) การดูแลชุมชนของผู้ประกอบการ 3) การร่วมมือกันแก้ปัญหา ส่วนปัจจัยที่มีผลต่อการจัดการ ความขัดแย้งมีดังนี้ 1) อํานาจที่มาจากความสัมพันธ์ 2) อํานาจจากการยอมรับนับถือ 3) สภาพภูมิประเทศ 4) ระยะห่างของบ้านเรือนจากเขตเหมือง 5) ความเอาใจใส่ของผู้ประกอบการ เหมืองหิน 6) การสร้างความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการ 7) ความไว้วางใจ 8) ความรับผิดชอบ ต่อสังคม โดยปัจจัยที่กล่าวมาจะมีลักษณะเป็นปัจจัยด้านบวกที่หนุนเสริมให้การจัดการความ ขัดแย้งในพื้นที่เหมืองหินเขารุนประสบความสําเร็จ ซึ่งสิ่งที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้สามารถนํามา ปรับใช้เพื่อเป็นแนวทางป้องกัน ตลอดจนแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสถานประกอบการ เหมืองหินกับชุมชนใกล้เคียงในพื้นที่อื่นได้ในอนาคต | - |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | 9506 Thesis |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
435337.pdf | 3.07 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น