กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12580
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบผลผลิตและความแปรปรวนทางพันธุกรรมของข้าวหอมไชยาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ชื่อเรื่องอื่นๆ: Yield comparison and genetic variation of Chaiya fragrant rice in Surat Thani province
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: สุชาติ เชิงทอง
วรันธร รัตนเดช
Faculty of Science and Industrial Technology
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม
คำสำคัญ: ข้าวหอมไชยา พันธุ์ สุราษฎร์ธานี;การกลายพันธุ์พืช
วันที่เผยแพร่: 2561
สำนักพิมพ์: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
บทคัดย่อ: The purposes of this study were yield comparison and genetic variation using SSR molecular markers of Chaiya fragrant rice. Chaiya rice seeds were collected from farmers in Chaiya district, and another source in Surat Thani province. The total of 12 samples of Chaiya rice were coded as Chaiya 001 to 012. The experimental plot was conducted using randomized complete block design (RCBD). The treatments were 12 samples of Chaiya 001 to 012. Growth and yield of 12 samples were compared. Yield was used as a criterion for the selection of Chaiya rice recommended to the farmers. Moreover, thirty morphological characteristics and cooking quality were also studied. Genetic variation using microsatellite was performed to provided diversity and future DNA test. The results showed that there were not significantly different between yields among treatments. Chaiya 007 provided the highest grain yield at 341.34 kg/rai following by Chaiya 006 and Chaiya 001 with the yield of 337.98 and 336.15kg/rai, respectively. The morphological characteristics and cooking quality were described for Chaiya rice for the first time. Study of genetic variation using microsatellite markers RM72, RM219, RM1261 and RM3805 produced total of 9 amplified fragments with an average of 2.25 fragments per primer, of which 9 fragments were polymorphism (100%). Primers RM212, RM 234, RM263, RM315, RM525 and RM8094 produced monomorphic fragments. Dendrograms showed genetic similarities among Chaiya fragrant rice, constructed based on polymorphism bands of microsatellite using UPGMA (Unweighted Pair-Group Method Using Arithmetic Average). Cluster analysis was performed by the NTSYS Version 2.1 program. Based on Microsatellite techniques and dendrogram tree, clones could be separated into 3 groups with similarity coefficients ranging from 0.611 1.000. The results indicated narrow genetic diversity of the clones. In conclusion, the 2-acetyl-1pyrroline (2AP) aroma test using HS-GC technique revealed that Chaiya006 had the highest 2AP. Therefore, Chaiya 006 should be recommended for further use as yields were not significantly different but it had highest aroma.
Abstract(Thai): การเปรียบเทียบผลผลิตและความแปรปรวนทางพันธุกรรมของข้าวหอมไชยาใน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พันธุ์ข้าวได้รวบรวมจากเกษตรกร ในอําเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และแหล่ง อื่น จํานวน 12 ตัวอย่าง แผนการทดลองแบบสุ่มภายในบล็อกสมบูรณ์ 3 ซ้ํา ทรีตเมนต์ คือพันธุ์ข้าว 12 ตัวอย่าง ให้รหัส 001 - 012 โดยได้เปรียบเทียบการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวหอมไชยา บันทึกลักษณะประจําพันธุ์ ศึกษาคุณภาพเมล็ดข้าวทางกายภาพ คุณภาพการหุงต้ม และศึกษาความ แปรปรวนทางพันธุกรรมด้วยเครื่องหมายไมโครแซทเทลไลท์ ในการศึกษาครั้งนี้ใช้ผลผลิตเป็นเกณฑ์ ในการคัดเลือกสายพันธุ์ที่นําไปแนะนําหรือใช้ประโยชน์ให้กับเกษตรกร จากผลการทดลอง พบว่า ข้าวหอมไชยาที่ให้ผลผลิตที่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ข้าวหอมไชยาหมายเลข 007, ข้าวหอมไชยา หมายเลข 006 และข้าวหอมไชยาหมายเลข 001 โดยให้ผลผลิต 341.35, 337.98 และ 336.19 กิโลกรัม/ไร่ ตามลําดับ ผลผลิตไม่แตกต่างกันทางสถิติ การศึกษาความแปรปรวนทางพันธุกรรมด้วย เครื่องหมายไมโครแซทเทลไลท์ จากการทดสอบด้วย 10 ไพรเมอร์ พบว่า ไพรเมอร์ RM72, RM219, RM1261 และ RM3805 เป็นไพรเมอร์ที่ให้แถบดีเอ็นเอที่มีความแตกต่างกัน โดยให้แถบดีเอ็นเอ ทั้งหมด 9 แถบ เฉลี่ย 2.25 แถบต่อไพรเมอร์ เป็นแถบดีเอ็นเอที่มีขนาดแตกต่างกัน 9 แถบ (100%) และไพรเมอร์ RM212, RM 234, RM263, RM315, RM525 และ RM8094 ให้แถบดีเอ็นเอที่ไม่มี ความแตกต่างกัน 9 แถบ เฉลี่ย 1.50 แถบต่อไพรเมอร์ เมื่อนําข้อมูลแถบดีเอ็นเอที่ได้มาสร้าง เดนโนแกรมเพื่อหาความใกล้ชิดทางพันธุกรรมโดยใช้ UPGMA (Unweighted Pair-Group Method Using Arithmetic Average) จากโปรแกรม NTSYS (Version 2.1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจาก เดนโนแกรม เมื่อใช้ใช้แถบดีเอ็นเอจากเครื่องหมายไมโครแซทเทลไลท์ สามารถแบ่งกลุ่ม ข้าวหอมไชยา ออกเป็น 3 กลุ่ม มีค่าดัชนีความใกล้ชิดทางพันธุกรรมอยู่ในช่วง 0.611 – 1,000 แสดง ให้เห็นว่าข้าวหอมไชยาที่นํามาศึกษามีฐานพันธุกรรมค่อนข้างแคบ จากผลการศึกษาผลผลิตของ ข้าวหอมไชยาที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการคัดเลือกเพื่อแนะนําให้กับเกษตรกรไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ดังนั้นจึงใช้ความหอมมาเป็นเกณฑ์รอง สายพันธุ์ที่เหมาะสําหรับการแนะนําได้แก่ ข้าวหอมไชยา หมายเลข 006 เนื่องจากมีผลผลิตสูง และมีความหอมมากที่สุด เมื่อเทียบกับข้าวหอมไชยา ที่ให้ผล ผลิตสูงสุด 3 อันดับแรก
รายละเอียด: วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2561
URI: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12580
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล:932 Thesis

แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม รายละเอียด ขนาดรูปแบบ 
432957.pdf2.81 MBAdobe PDFดู/เปิด


รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น