กรุณาใช้ตัวระบุนี้เพื่ออ้างอิงหรือเชื่อมต่อรายการนี้:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12287
ชื่อเรื่อง: | ผลของโปรแกรมส่งเสริมเจตคติ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิงและการรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมด้วยการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจ ต่อความตั้งใจที่จะมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยในผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ |
ชื่อเรื่องอื่นๆ: | Effect of Enhancing Attitude, Subjective Norm, and Perceived Behavioral Conect with Motivation Interviewing Program on Intention to Adopt Safety Driving Behaviors Among Motorcycle Injury Clients |
ผู้แต่ง/ผู้ร่วมงาน: | เนตรนภา คู่พันธวี ฉัตรติมา คัมภีรคุปต์ Faculty of Nursing (Medical Nursing) คณะพยาบาลศาสตร์ ภาควิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์ |
คำสำคัญ: | อุบัติเหตุ ผู้ป่วย;การขับขี่จักรยานยนต์;อุบัติเหตุจักรยานยนต์ |
วันที่เผยแพร่: | 2561 |
สำนักพิมพ์: | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
บทคัดย่อ: | This quasi-experimental research aimed to examine the effect of enhancing attitude, subjective norm, and perceived behavioral control with motivation interviewing program on intention to adopt safety driving behaviors among motorcycle injury clients. The motorcycle injury clients, who were admitted at a regional hospital in southern were purposively selected following the inclusion criteria and assigned equally into the control and experimental group. The 32 participants in the control group received usual nursing care, whereas the 32 participants in the experimental group received the program that applied 8 steps of motivational interviewing for each individual in order to enhance attitude, subjective norm, and perceived control for safe driving behaviors. The safe driving behaviors comprised no drinking before driving, wearing helmet during driving, speed limit driving, and not use cellphone during driving. The instrument was the Intention to Adopt Safety Driving Behaviors Questionnaire and its content validity index was .85. The reliability of the questionnaire yielded a Cronbach alpha coefficient of .86. The data were analyzed by descriptive statistics, paired t-test, and independent t-test. The results showed that after receiving the program, the mean score of the intention to adopt safety driving behaviors of the participants in experimental group was statistical significantly higher than before (p < .001). In addition, the mean score of the intention to adopt safety driving behaviors of the participants in experimental group was statistical significantly higher than that of the control group (p < .001). This finding indicated that this program could increase the intention to adopt safety driving behaviors. Therefore, the program should be applied in nursing practice in order to promote intention of motorcycle injury clients. However, the further study should follow up the safety driving behaviors to continuously prevent traffic accident. |
Abstract(Thai): | การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรม ส่งเสริมเจตคติ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และการรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมด้วยการ สัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อความตั้งใจที่จะมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยของกลุ่มผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุ จากการขับขี่รถจักรยานยนต์ กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บอุบัติเหตุจากการขับขี่ รถจักรยานยนต์ซึ่งเข้ารักษาในโรงพยาบาลศูนย์แห่งหนึ่งในภาคใต้ เลือกกลุ่มตัวอย่างแบบ เฉพาะเจาะจงตามคุณสมบัติที่กําหนด แบ่งเป็นกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองกลุ่มละ 32 ราย กลุ่ม ควบคุมได้รับการดูแลตามปกติ ในขณะที่กลุ่มทดลองได้รับโปรแกรมซึ่งใช้การสัมภาษณ์เพื่อสร้าง แรงจูงใจเป็นรายบุคคลประกอบด้วย 8 ขั้นตอน ในการส่งเสริมเจตคติ การคล้อยตามกลุ่มอ้างอิง และ การรับรู้ความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย 4 ด้าน ได้แก่ การไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนขับขี่ การสวมหมวกนิรภัยและใช้สายรัดคางขณะขับขี่ การขับขี่ด้วยความเร็วตามกฎหมาย กําหนด และการไม่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับขี่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบ สัมภาษณ์ความตั้งใจที่จะมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัย มีค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหาเท่ากับ 85 และ ทดสอบความเที่ยงของแบบสัมภาษณ์โดยสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาคได้เท่ากับ 86 วิเคราะห์ ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงบรรยาย และทดสอบสถิติที่คู่และสถิติที่อิสระ ผลการวิจัยพบว่า หลังได้รับโปรแกรม คะแนนเฉลี่ยความตั้งใจที่จะมีพฤติกรรมขับขี่ ปลอดภัยของกลุ่มทดลองสูงกว่าก่อนได้รับโปรแกรมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < .001) และ คะแนนเฉลี่ยความตั้งใจที่จะมีพฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยของกลุ่มทดลองหลังได้รับโปรแกรมสูงกว่ากลุ่ม ควบคุมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (p < .001) ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโปรแกรมดังกล่าวสามารถทําให้ความตั้งใจที่จะมี พฤติกรรมขับขี่ปลอดภัยสูงขึ้นได้ จึงควรนําไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติพยาบาลเพื่อส่งเสริมความ ตั้งใจของผู้บาดเจ็บอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตามควรศึกษาติดตามการมี พฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจราจรได้อย่างต่อเนื่อง |
รายละเอียด: | วิทยานิพนธ์ (พย.ม. (การพยาบาลผู้ใหญ่))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2561 |
URI: | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12287 |
ปรากฏในกลุ่มข้อมูล: | 646 Thesis |
แฟ้มในรายการข้อมูลนี้:
แฟ้ม | รายละเอียด | ขนาด | รูปแบบ | |
---|---|---|---|---|
426671.pdf | 2.9 MB | Adobe PDF | ดู/เปิด |
รายการทั้งหมดในระบบคิดีได้รับการคุ้มครองลิขสิทธิ์ มีการสงวนสิทธิ์เว้นแต่ที่ระบุไว้เป็นอื่น