Please use this identifier to cite or link to this item: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12078
Title: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อคุณภาพชีวิตการทำงานและความสุขในการทำงานของพนักงานรายวันโรงงานอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา
Other Titles: Factors influencing the quality of working life and happiness at work of daily employees in a frozen seafood industry in Songkhla province
Authors: อานนท์ วิทยานนท์
จักรพันธ์ ชูสุวรรณ์
Faculty of Medicine (Community Medicine)
คณะแพทยศาสตร์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน
Keywords: คุณภาพชีวิตการทำงาน สงขลา
Issue Date: 2017
Publisher: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Abstract: Daily workers are the main workforce in the operating sectors of industries. They confronted with many working environmental hazards, while they received low salary and welfare. These hazards could affect to their quality of work life and happiness at work. This cross-sectional descriptive survey aimed to study factors affecting quality of work life and happiness at work of daily workers in a large-scale frozen seafood industry selected in Songkhla province. Samples recruited through stratified and simple random sampling from the 425 daily workers in the operating sectors of Center, Convent and Cooked production lines. Data were collected by self-administered questionnaire which were developed through literature reviewing. It was approved for content validity by three experts and reported 0.89 for internal consistency. The reliability showed alpha Cronbach's coefficient of questionnaire overall variables, quality of work life and happiness at work 0.70, 0.95 and 0.82, respectively. The Kuder-Richardson, KR-20 and KR-21, reliabilities of for health behavior factor questionnaire were 1.33. Descriptive, simple linear regression and multiple regression statistics were employed for data analysis. Results displayed the workers' perception on the physical, chemical, and biological work environments at low level 87.01%, 38.22%, and 84.85%, respectively. Samples perceived ergonomics hazards at moderate level 57.94%. They perceived the psychosocial work environment at low level for effort 42.29% and overcommitment 65.37% while reward perception showed 66.37% at moderate level. The effort and reward imbalance ratio (ERI) was normal, less than 1 (M = 0.67, SD = 0.27) for 57.85%. Additionally, their perception on health practice at work resulted in at the very good level 55.9%. The level of quality of work life was moderate, 89.11% while the level of happiness at work was good, 72.91%. Work sector, overall physical work environment, and overall health practice factors were altogether accounted for 22.6% of variance in quality of work life (adj R2 = .22 6, p<.001). Work sector and overall health practice factors were altogether accounted for 13.1% of variance in happiness at work (adj R2 =.131, p<.001). Findings identify the overall health practice factor was the best predictor for both quality of work life and happiness at work (B = .375 and .344, p< .001, respectively), as well as statistically significant correlations with them at moderate level (r = .404 and .349, p<.01, respectively). However, it was found that 10.4% of the samples was at risk related to ERI imbalance and 22.58% was unhappy in working life. These findings remind effects of negative working conditions on health and working performance. This study guides to the improvement of physical and ergonomics at work. Healthy promotion plan and organizational management system should be clearly defined for daily workers' physical and mental health.
Abstract(Thai): พนักงานรายวันเป็นแรงงานหลักในสายการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม ทํางานภายใต้ สิ่งแวดล้อมการทํางานและปัจจัยเสี่ยงที่คุกคามต่อสุขภาพ โดยได้รับค่าตอบแทนและสวัสดิการน้อย กว่าพนักงานรายเดือน ซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตการทํางานและความสุขใน การทํางานได้ การวิจัยเชิงพรรณนาโดยการสํารวจภาคตัดขวางครั้งนี้ เป็นการศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ คุณภาพชีวิตการทํางานและความสุขในการทํางานของพนักงานรายวัน โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร ทะเลแช่แข็งขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลาที่เลือกแบบเจาะจง กลุ่มตัวอย่างได้จากการสุ่ม ตัวอย่างแบบชั้นภูมิและสุ่มอย่างง่ายแบ่งตามสัดส่วนจากพนักงานรายวันที่ปฏิบัติงานระดับ ปฏิบัติการ ในแผนกงานต่าง ๆ ของฝ่ายการผลิตสายงาน Center, Convent และ Cooked จํานวน 425 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นจากการทบทวนวรรณกรรมและผ่านการ ตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ได้ค่าดัชนีความสอดคล้อง 0.89 ทดสอบความ เที่ยงโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาคของแบบสอบถามปัจจัยที่มีความสัมพันธ์โดยรวม คุณภาพชีวิตการทํางาน และความสุขในการทํางาน เท่ากับ 0.70, 0.95 และ 0.82 ตามลําดับ ค่า Kuder- Richardson (KR-20 และ KR-21) ของแบบสอบถามปัจจัยด้านการปฏิบัติตัวด้านสุขภาพ เท่ากับ 1,33 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา สถิติถดถอยเชิงเส้นอย่างง่าย และสถิติถดถอยเชิงพหุ ผลการวิจัย พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเสี่ยงรับสัมผัสปัจจัยสิ่งแวดล้อมในการ ทํางานด้านกายภาพ ด้านเคมี และด้านชีวภาพอยู่ในระดับต่ํา คือ ร้อยละ 87.01, 38.22 และ 84.85 ตามลําดับ ส่วนด้านการยศาสตร์มีความเสี่ยงอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 57.94 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมใน การทํางานด้านจิตสังคม พบว่า การทุ่มเทในงานและความมุ่งมั่นในงานที่มากเกินไปอยู่ในระดับต่ํา ร้อยละ 42.29 และ 65.37 ตามลําดับ ผลตอบแทนจากงานอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 66.37 โดยมี อัตราส่วนการทุ่มเทในงานและผลตอบแทนจากงานอยู่ในระดับที่ไม่มีความเสี่ยงคือมีค่าน้อยกว่า 1 (M = 0.67, SD = 0.27) ร้อยละ 57.85 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมในการทํางานด้านการปฏิบัติตัวด้านสุขภาพ ทุกด้านอยู่ในระดับดีมาก ร้อยละ 55.9 คุณภาพชีวิตการทํางานอยู่ระดับปานกลาง ร้อยละ 89.11 และ ความสุขในการทํางานอยู่ในระดับมีความสุข ร้อยละ 72.91 โดยพบว่า ปัจจัยด้านรายได้ แผนกงาน สิ่งแวดล้อมในการทํางานด้านกายภาพ และสิ่งแวดล้อมในการทํางานด้านการปฏิบัติตัวด้านสุขภาพ สามารถร่วมกันอธิปรายความแปรปรวนของคุณภาพชีวิตการทํางานได้ร้อยละ 22.6 (adj R = 226, โดย p<.001) และปัจจัยด้านแผนกงานและสิ่งแวดล้อมในการทํางานด้านการปฏิบัติตัวด้านสุขภาพ สามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความสุขในการทํางาน ได้ร้อยละ 13.1 (adj R = 131, p<.001) ผลการศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสิ่งแวดล้อมในการทํางานด้านการปฏิบัติตัวด้านสุขภาพ โดยรวมเป็นตัวแปรที่สามารถอธิบายความแปรปรวนของคุณภาพชีวิตการทํางานและความสุขในการ ทํางานได้ดีที่สุด (8 = 375 และ 344, p< .001 ตามลําดับ) และยังมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปาน กลางกับคุณภาพชีวิตการทํางาน และความสุขในการทํางานอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ (r = 404 และ 349, p<.01 ตามลําดับ) อย่างไรก็ตามพบว่าพนักงานกลุ่มตัวอย่างอีกร้อยละ 10.4 จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มี ภาวะไม่สมดุลระหว่างการทุ่มเทในงานและผลตอบแทนจากงาน และร้อยละ 22.58 ไม่มีความสุขใน การทํางาน ซึ่งเป็นภาวะที่อาจก่อให้เกิดผลเสียที่กระทบต่อสุขภาพและความสามารถในการทํางานได้ การศึกษาครั้งนี้ ให้ข้อสนับสนุนแนวทางปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทํางานด้าน กายภาพและการยศาสตร์ รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพของพนักงานรายวันทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม. (อาชีวเวชศาสตร์))--มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, 2560
URI: http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2016/12078
Appears in Collections:367 Thesis

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
419056.pdf3.47 MBAdobe PDFView/Open


Items in PSU Knowledge Bank are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.