Attitudes of Grades Ten and Twelve Students towards Science in Bhutan.

Abstract

This research conducted using mixed methods explanatory sequential design to examine the effects of gender, ethnicity, grade and the parents or guardians’ involvement in science on students’ attitudes towards science. The sample consisting of 383 students, selected by proportional stratified random sampling, completed the questionnaire. The coefficient of reliability based on Cronbach alpha for attitudes towards science and the parents or guardians’ involvement in science scales was .92 and .81 respectively. The data were analyzed using an independent t-test, one-way ANOVA and Pearson’s correlation. Key informants for interview consisted of 13 students and 15 science teachers, selected by purposeful sampling. The interview was conducted to seek the explanations to the results obtained from questionnaire. The overall results showed that qualitative findings supported the quantitative results. The findings indicated that the students’ overall attitude towards science was at a high positive level and the overall parents or guardians’ involvement in science was at moderate level. The gender had no significant effect on students’ attitudes towards science while Grade 12 science students had significantly more favourable attitude towards science than those of Grade 10 students. Meanwhile, the correlationbetween the parents or guardians’ involvement in science and the students’ attitudes towards science was positive, and the ethnicity had no influence on the students’ attitudes towards science. Results also showed that students’ levels of attitudes towards science are directly affected by involved parents and it is not necessary for the parents’ level of education to be high in order for the parents to motivate or support their children’s attitudes towards science. It is recommended that teachers and schools should encourage parents to be actively involved in their children’s science activities at home and to support their children’s science learning despite there being significant barriers to parental involvement. แก้ไข ลบ element แทรก element DescriptionAbstract การวิจัยเรื่องนี้ดำเนินการโดยใช้การวิจัยผสมวิธีโดยใช้การออกแบบประเภทต่อเนื่องเชิงอธิบายเพื่อศึกษาอิทธิพลของเพศเชื้อชาติเกรดและการมีส่วนร่วมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองที่มีต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนในประเทศภูฏาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนจำนวน 383 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มหลายขั้นตอนแบบเป็นสัดส่วนเพื่อตอบแบบสอบถามโดยแบบสอบถามในด้านเจตคติต่อวิทยาศาสตร์และการมีส่วนร่วมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองมีค่าสัมประสิทธิ์ความเที่ยงโดยวิธีของครอนบัคเท่ากับ .92และ.81ตามลำดับ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้การทดสอบค่า t แบบเป็นอิสระต่อกัน สหสัมพันธ์แบบเพียร์สันและการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว สำหรับผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการสัมภาษณ์ประกอบด้วยนักเรียน 13 คนและครูวิทยาศาสตร์จำนวน 15 คนโดยการเลือกแบบเจาะจงเพื่อต้องการคำอธิบายของข้อค้นพบที่ได้จากแบบสอบถาม ผลการวิจัยในภาพรวมพบว่า ผลการวิจัยเชิงคุณภาพสอดคล้องกับผลการวิจัยเชิงปริมาณ โดยระดับเจตคติต่อวิทยาศาสตร์โดยรวมของนักเรียนอยู่ในระดับสูงและการมีส่วนร่วมในภาพรวมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองต่อวิทยาศาสตร์อยู่ในระดับปานกลาง สำหรับเพศไม่มีอิทธิพลต่อเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ในขณะที่นักเรียนเกรดสิบสองมีระดับเจตคติต่อวิทยาศาสตร์สูงกว่านักเรียนเกรดสิบอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองมีความสัมพันธ์ทางบวกกับเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ แต่เชื้อชาติไม่มีอิทธิพลต่อเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนแต่อย่างใด ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ระดับเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนได้รับอิทธิพลจากการมีส่วนร่วมของบิดามารดาหรือผู้ปกครองโดยตรงและไม่จำเป็นที่ผู้ปกครองต้องมีระดับการศึกษาสูงในการเสริมสร้างเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนแต่ประการใด ข้อเสนอแนะของการวิจัยคือครูและโรงเรียนควรส่งเสริมให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่บ้านและการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้างก็ตาม