Please use this identifier to cite or link to this item:
http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2010/8555
Title: | รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์การเก็บรักษาและการเกิดเป็นต้นของโพรโทคอร์มไลค์บอดี้ของกล้วยไม้รองเท้านารีขาวสตูล : Paphiopedilum niveum (Rchb.f.) pfitz |
Other Titles: | การเก็บรักษาและการเกิดเป็นต้นของโพรโทคอร์มไลค์บอดี้ของกล้วยไม้รองเท้านารีขาวสตูล : Paphiopedilum niveum (Rchb.f.) pfitz : รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ Preservation and regeneration of protocrm-like bodies of lady's slipper orchid : bPaphiopedilum niveum (Rchb.f.) pfitz |
Authors: | อุปถัมถ์ มีสวัสดิ์ ครรชิต ธรรมศิริ Faculty of Science (Biology) คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ภาควิชาพฤกษศาสตร์ |
Keywords: | รองเท้านารี;กล้วยไม้ |
Issue Date: | 2554 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ |
Abstract(Thai): | ทำการชักนำแคลลัสกล้วยไม้รองเท้านารีจากเมล็ดและเพิ่มปริมาณแคลลลัสที่มีอยู่เดิมบนอาหารสูตร CIM ร่วมด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโต เมื่อเพาะเลี้ยงแคลลัสบนอาหารสูตร PLBIM ที่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตร่วมด้วยน้ำตาลซูโครส 10 % สามารถเกิดเป็นโพรโทคอร์มไลค์บอดี้ได้ดีกว่าสูตรอาหาร PLBIM ที่ไม่มีสารควบคุมการเจริญเติบโตใด ๆ แม้ว่าจะมีหรือไม่มีน้ำตาลรูโครส การเพาะเลี้ยงโพรโทคอร์มไลค์บอดี้บนอาหารสูตร SLIM ร่วมกับสารอินทรีย์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้วยหอม) สามารถพบการเจริญเป็นต้นอ่อนได้ดี ส่วนอาหารสูตร SLIM ร่วมด้วยสารควบคุมการเจริญเติบโตไม่เหมาะกับระยะการเจริญเป็นต้นอ่อน การเก็บรักษาชิ้นส่วนพืชด้วยวิธี vitirication โดยเก็บในรูปแบบแคลลัสไม่ประสบความสำเร็จเมื่อเปรียบเทียบกับการเก็บรักษาในรูปแบบโพรโทคอร์มไลค์บอดี้ การแช่โพรโทคอร์มไลค์บอดี้ในสารละลาย PVS2 เป็นเวลา 120 นาที ก่อนนำไปเก็บในอุณหภูมิต่ำ สามารถเก็บรักษาสารคารโบไฮเดรตภายในเซลล์ไว้ได้ และมีแนวโน้มที่เซลล์สามารถมีชีวิตอยู่และเจริญเติบโตต่อไปได้หลังการเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำ การตรวจสอบสารจำเป็นต่อการเจริญเติบโตชนิดอื่นควรมีการปรับปรุง |
URI: | http://kb.psu.ac.th/psukb/handle/2010/8555 https://tnrr.nriis.go.th/#/services/research-report/detail/246265 |
Appears in Collections: | 330 Research |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
357916.pdf | 17.67 MB | Adobe PDF | View/Open |
This item is licensed under a Creative Commons License